ไปที่เว็บ_พระไตรปิฏกฉบับอ่าน..

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สมุนไพรผลไม้ชนิดต่างๆ 08


ประโยชน์ของน้ำหมักชีวภาพพลังเอนไซม์บำบัดจากการวิจัย
1. เอนไซม์ ช่วยเปลี่ยนอาหารคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และเส้นใยอาหารให้เป็นกรดอินทรีย์ เช่น กรดแลคติก กรดอะซิติก และกรดบิวทิริก ซึ่งมีความเป็นกรดอ่อน ๆ ทำให้เอนไซม์มีรสเปรี้ยว และช่วยทำให้การขับถ่ายเป็นไปได้อย่างสะดวก กรดอินทรีย์ชนิดบิวทีริกเสริมสร้างการสร้างดีเอ็นเอ และเพิ่มจำนวนเซลล์บุผิวในลำไส้ใหญ่ให้มีมากแข็งแรงมีอายุยืนกว่าเดิม ทำหน้าที่ต้านเชื้อโรคได้ดี ต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ดี


2. เอนไซม์สร้างวิตามิน บี ๑๒ วิตามิน K และวิตามิน B หลายชนิด ช่วยบำรุงเม็ดเลือด เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาท และเซลล์ทั่วไป


3. ช่วยสร้างเอนไซม์แลคเตส เพื่อย่อยน้ำตาลในนม ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น ดังนั้น เด็ก ๆ ที่ยังดื่มนมสามารถดื่มน้ำพลังเอนไซม์บำบัดผสมในนมได้


4. สร้างสารต่อต้านเชื้อโรค สารอินทรีย์นี้เรียกว่า แบคทีริโอซิน (Bactiriocins) มีหลายชนิด ได้แก่ acidolin, acidophillin, bulgarican, lactocillin และ niacin ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโทษต่อรางกายการ เช่น เชื้อที่ทำให้เจ็บคอ เชื้อที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง เชื้อที่ทำให้เกิดโรคตามผิวหนังเป็นแผลพุพองเรื้อรัง ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ เชื้อที่ทำให้ท้องร่วง และเชื้อที่ทำให้เกิดเหม็นเน่า


5. ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด เหมาะสำหรับผู้มีระดับไขมันในเลือดสูง หรือความดันสูง


6. ช่วยในการทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีการนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งจะช่วยยืดระยะเวลาการหมดประจำเดือน และบรรเทาอาการเกิดโรคกระดูกพรุนด้วย เนื่องจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน


7. ช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการฉายรังสี และเคมีบำบัดหลังการผ่าตัดมะเร็ง ลดอาการแพ้ คลื่นไส้ ผมร่วง ทำให้รับประทานอาหารได้ดีขึ้น และพบว่าทำให้ปริมาณฮีโมโกบินสูงขึ้นด้วย


8. ช่วยลดการเกิดสารก่อมะเร็งบางชนิด เช่น ไนโตรซามีน


9. ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ในสัตว์ทดลอง ทั้งในระยะเริ่มต้น และระยะส่งเสริมของโรคมะเร็ง และในทางระบาดวิทยา พบว่าในคนมีความสัมพันธ์กับการลดอัตราการเสี่ยงของมะเร็งลำไส้


สรุปประโยชน์ของเอนไซม์ได้ ดังนี้
1. ช่วยปรับความเป็นกรดเป็นด่างในร่างกาย
2. ทำใหระบบการย่อยและขับถ่ายดีขึ้น
3. ทำให้เซลล์ในร่างกายได้รับสารอาหารอย่างสมดุล
4. สลายสารพิษและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย (ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ)
จากหนังสือเอนไซม์ โดย ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ มูลนิธิภูมิปัญญาสากล

น้ำหมักชีวภาพ (น้ำเอนไซม์) กับไวน์ ต่างกันอย่างไร ?

น้ำหมักชีวภาพ (น้ำเอนไซม์) ใช้สำหรับดื่มกินเป็นสารละลายที่อุดมไปด้วยสารอาหาร จำพวกโปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค ตลอดจนพวกกรดอะมิโน (Amino acid) และ อะเซทิลโคเอ (Acetyl CoA) ที่ได้จากหมักผลไม้นานาชนิดในระยะเวลานานกว่า 4 ปี โดยอาศัยจุลินทรีย์ท้องถิ่น หลากหลายชนิด ที่ปะปนอยู่ในวัตถุดิบ หรือในกระบวนการหมัก เพื่อเปลี่ยนผลไม้ และน้ำผึ้ง ให้ได้ผลผลิตตามต้องการ


ซึ่งในระยะเริ่มแรกจะได้ผลิตภัณฑ์เป็นแอลกอฮอล์ สังเกตุได้จากมีกลิ่นฉุน มีแก๊ซเยอะ ระยะต่อมาได้ผลิตภัณฑ์เป็นน้ำส้มสายชู (รสเปรี้ยว กลิ่นเปรี้ยวหอม) อีกระยะหนึ่งเป็นยาธาตุ (รสขม เปรี้ยวขม กลิ่นหอมคงที) ในที่สุดก็ได้เป็นน้ำหมักชีวภาพ (ที่เราเรียกว่าน้ำเอ็นไซม์) ซึ่งใช้เวลาหมักขยายประมาณ 2 ปีขึ้นไป แต่กรณีจะนำไปดื่มกิน ควรผ่านการหมักขยายเป็นเวลา 6 ปีขึ้นไปจะให้คุณค่าของสารอาหารดีกว่า ตลอดจนแอลกอฮอล์ต่ำเพียงพอที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย


ไวน์ (WINE) เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้จากการหมักองุ่น (ไวน์แดงทำจากองุ่นแดง ไวน์ขาวทำจากองุ่นเขียว) โดยกระบวนการหมักต้องการผลิตภัณฑ์คือ แอลกอฮอล์ และจะใช้เชื้อยีสต์บริสุทธิ์ เช่น แชคคาโรมัยซีส (Saccharomyces cerevisiae ) เป็นเชื้อตั้งต้น เพื่อควบคุมกระบวนการหมักให้เปลี่ยนน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์ กับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งทั้งกระบวนการหมักต้องควบคุมเชื้อ และความสะอาด ทั้งผลไม้ น้ำตาล และ ภาชนะ จะผ่านการฆ่าเชื้อก่อนทุกขั้นตอน


สรุปว่า น้ำหมักชีวภาพ (เอนไซม์) กับไวน์ต่างกัน ทั้งเจตนาในการหมัก เพื่อจะให้ได้ผลผลิต กระบวนการหมัก การควบคุมเชื้อจุลินทรีย์และความปลอดภัยในการบริโภค


น้ำหมักชีวภาพ (น้ำเอนไซม์) แบ่งตามการใช้งานได้เป็น 2 ประเภท คือ


1. ใช้อุปโภค หรือใช้ภายนอก ได้แก่ น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างจาน สบู่น้ำ แชมพูสระผม น้ำยาล้างรถ น้ำยาดับกลิ่น ปุ๋ยน้ำ แก้สิวฝ้า น้ำยาบ้วนปาก ฯลฯ


2. ใช้บริโภค  หรือใช้ภายใน ได้แก่ น้ำหมักชีวภาพ(น้ำเอนไซม์)ใช้ดื่มกิน สมุนไพรหมักใช้เป็นยา ฯลฯ


ปัญหาของน้ำหมักชีวภาพ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการนำไปดื่มกิน เมื่อได้น้ำหมักชีวภาพ ในขั้นต้น (ระยะการหมักเพียง 3, 5, 7, 9, 11 เดือน) แล้ว นำไปดื่มกิน เนื่องจากความรู้ที่ไม่ชัดเจน และมีการเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ หรือการผลิตเพื่อเน้นการขาย แม้เอนไซม์ที่ได้เหล่านั้น จะมีคุณสมบัติช่วยในระบบการย่อย และการขับถ่ายดีขึ้นก็ตาม แต่น้ำหมักชีวภาพ (น้ำเอนไซม์) ในช่วงนี้มีสภาพเป็น แอลกอฮอล์ และมีแอลกอฮอล์อยู่มาก (คล้ายไวน์) สังเกตได้โดยการดมกลิ่น ชิมรส ถ้าดื่มแล้วมีอาการร้อนวูบวาบ ลงท้องแล้ว ตีกลับขึ้นหัว กระจายไปทั่วตัว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทาน หรือทำให้บางคนมีอาการมึนงงหรือปวดหัว อาจเป็นสาเหตุว่ามีแอลกอฮอล์ปนเปื้อนอยู่ได้


ผลเสียของการดื่มน้ำหมักชีวภาพแบบเข้มข้นที่เกิดขึ้น ทำให้ฟันผุกร่อน เนื้อฟันบาง เพราะน้ำหมักชีวภาพ (เอนไซม์) มีสภาพเป็นกรดสูง วัด pH ได้ 3-4 กรดจะกัดกร่อนเนื้อฟัน (แคลเซียม) ทำให้ฟันเสียได้ ฉะนั้นการดื่มกินน้ำหมักชีวภาพ (เอนไซม์) แบบเข้มข้นจึงควรหลีกเลี่ยง เราควรผสมน้ำเปล่าให้เจือจางก่อน น้ำหมัก ชีวภาพ (เอ็นไซม์) 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 แก้ว (ลองนึกเปรียบเทียบกับปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ เวลาเราใช้รดน้ำต้นไม้ จะผสมน้ำให้เจือจาง 500 - 1,000 เท่า ถ้าใช้รดต้นไม้แบบเข้มข้น ต้นไม้จะเฉาตาย)


การทำน้ำหมักชีวภาพ ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ แต่ต้องอาศัยเวลา และความอดทน ที่สำคัญน้ำหมักชีวภาพไม่มีสูตรที่ตายตัว เราสามารถทดลองทำปรับเปลี่ยนวัตถุดิบให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายหรือท้องถิ่นของเรา เพราะสภาพแวดล้อมแต่ละท้องถิ่นมีความแตกต่างกัน มีความต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน น้ำหมักชีวภาพจึงจำเป็นต้องมีความแตกต่างกันตามท้องถิ่น.


ดังนั้น มาทำน้ำหมักชีวภาพใช้กันนะค่ะ เริ่มต้นจากภายนอกก่อน เมื่อมีความเชี่ยวชาญและเข้าใจถึงธรรมชาติการหมักแล้ว ค่อยมาทำน้ำหมักเอนไซม์ใช้ภายในกันนะค่ะ

เคล็ดลับวิชา-น้ำพลังเอนไซม์บำบัดดื่มเพื่ออะไร???

น้ำพลังเอนไซม์บำบัดดื่มเพื่ออะไร??? คำถามนี้ แทบทุกคนที่โทรมาจะต้องถาม
ก่อนอื่น ของอธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับหลักทางการแพทย์ทางเลือกกันก่อนสักนิด
ศาสตร์ทางด้านเอนไซม์บำบัด ของแพทย์ทางเลือก กล่าวไว้ว่า "สาเหตุของการเสื่อมของร่างกาย และการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน มะเร็ง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ ล้วนแล้วแต่เกิดจากภาวะที่ร่างกายพร่องเอนไซม์ ดังนั้นการเสิรมเอนไซม์โดยการกิน จึงเป็นวิธีหนึ่งในการบำบัดป้องกันการเกิดโรคได้อีกทางเลือกหนึ่ง ในการดูแลร่างกาย"


และก่อนที่จะตอบคำถามว่า น้ำพลังเอนไซม์บำบัดดื่มเพื่ออะไร ขอถามกลับว่า คุณรู้จักไหมว่า เอนไซม์คืออะไร และมีหน้าที่อย่างไรในร่างกาย


ซึ่งเราจะกล่าวแบบง่าย ๆ ก็คือ เอนไซม์เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่้งที่ทำหน้าที่ในการเร่งปฏิกิริยาต่าง ๆ ในร่างกายเรา ไม่ว่าจะเป็นการเร่งการย่อยอาหาร การสร้างเซลล์ การผลักอาหารเข้าเซลล์ การขับสารพิษออกจากเซลล์ การฟื้นฟูเซลล์ และปฏิกิริยาชีวเคมีต่าง ๆ ในร่างกาย พูดได้ว่าเอนไซม์มีบทบาทแถบทุกส่วนทุกเซลล์ในร่างกาย


แต่ถ้าไม่มีเอนไซม์ จะเกิดอะไรขึ้น คิดกันแบบง่าย ๆ ก็คือ อาหารที่เรารับประทานเข้าไปก็จะไม่ย่อย หรือย่อยสลายช้ามาก จนเกิดการหมักหมมเน่าเหม็น และเกิดเป็นสารพิษตกค้างในร่างกาย อีกทั้งร่างกายก็ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ขับออกก็ไม่ได้ เมื่อเซลล์ไม่ได้รับสารอาหาร มีแต่ของเสีย ร่างกายก็อ่อนแอ และเกิดโรคจนถึงตายในที่สุด


เห็นไหมว่าเอนไซม์มีบทบาทสำคัญจริง ๆ ในร่างกาย


เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าเอนไซม์มีความสำคัญและมีบทบาทอย่างไรแล้ว เราก็คงเริ่มเห็นถึงความสำคัญของมันแล้ว แต่บางท่านอาจมีคำถามเพิ่มขึ้นมาอีกว่า ร่างกายเราก็มีการสร้างเอนไซม์อยู่แล้ว แล้วเอนไซม์ที่เราเสริมเข้าไปจะใช้ได้หรือ แล้วจะเหมือนกันไหม???


ตอบแบบง่าย ๆ ว่าเอนไซม์บางชนิดร่างกายเราผลิตขึ้นเอง แต่บางชนิดก็ได้จากอาหารที่เรากินเข้าไปอยู่แล้ว และเอนไซม์ที่ร่างกายเราผลิตขึ้นเองนั้น ก็ได้มาจากกรดอะมิโนที่ย่อยสลายมาจากอาหารที่เรากินเข้าไปนั้นเอง แสดงว่า.... เอนไซม์ที่ร่างกายผลิตขึ้น และเอนไซม์ที่กินเข้าไปเสริมก็มาจากแหล่งเดียวกันคืออาหารนั้นเอง การเสริมเอนไซม์จึงสามารถเสริมได้ทั้งการกินอาหารที่สดใหม่ และการกินอาหารที่มีเอนไซม์สูง ๆ หรือสารสกัดเอนไซม์นั้นเองได้เช่นกัน


ใครมีคำถามอะไรอีก ยกมือขึ้นได้นะ.... (ถ้าไม่มี) ขอกลับมาตอบคำถามที่ว่าน้ำพลังเอนไซม์บำบัดนี้ดื่มเพื่ออะไร???


น้ำพลังเอนไซม์บำบัด ดื่มเพื่อปรับสมดุลของร่างกาย โดยที่น้ำพลังเอนไซม์จะมีหลักการทำงาน 4 หลักดังนี้
  1. ความเป็นกรดผลไม้ จะช่วยในการปรับสมดุลความเป็นกรดด่างของของเหลวในร่างกาย เช่น เลือด จึงช่วยในการฟอกเลือก ทำความสะอาดเลือด ช่วยละลายไขมันในเลือด ทำความสะอาดหลอดเลือด อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการบีบตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อลำไส้ ช่วยปรับสมดุลของการขับถ่าย เป็นต้น
  2. เอนไซม์จากผลไม้ และเอนไซม์ที่ได้จากจุลินทรีย์ในการหมัก จะช่วยในระบบการย่อยอาหาร โดยช่วยกระตุ้นการย่อยสลายอาหารและสารที่ตกค้างในร่างกาย อีกทั้งยังสามารถดูดซึมเข้ากระแสเลือดไปกระตุ้นการผลักสารอาหารให้เข้าเซลล์ และขับของเสียออกจากเซลล์ เป็นต้น
  3. สารอาหารโมเลกุลขนาดเล็ก และวิตามินต่าง ๆ ที่ได้จากกระบวนการหมัก ทั้งพวกกรดอะมิโน วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ ต่าง ๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการย่อยแล้ว ร่างกายสามารถดูดซึมเข้ากระแสเลือดและส่งผ่านไปยังเซลล์ได้ทันที ทำให้รู้สึกสดชื่น และฟื้นฟูสภาพของร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับผู้ป่วยที่ต้องการพักฟื้นได้อย่างดี 
  4. จำนวนประจุไอออนสูง ทำให้เกิดกระบวนการไอออนไนสเซชั่น หรือ การแลกเปลี่ยนประจุ ทำให้สามารถผลักดันสารอาหารเข้าสู่เซลล์ และขับของเสียออกจากเซลล์ได้อย่างรวดเร็ว เหมือนเป็นพลังงาน ATP ในร่างกายนั้นเอง ทำให้เซลล์ได้รับสารอาหารอย่างรวดเร็ว  ร่างกายจึงฟื้นฟูได้ดี
หลักการทั้ง 4 นี้ จึงทำให้เกิดทั้งกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ ให้พลังงานแก่เซลล์ และขับของเสียออกจากเซลล์ และลดการทำงานของเซลล์และอวัยวะบางส่วน ทำให้เซลล์และอวัยวะนั้นได้พักผ่อน และฟื้นฟูร่างกายต่อไป


จากที่อธิบายมา ถ้ายังไม่เข้าใจ ตอบแบบง่าย ๆ อีกครั้งว่า น้ำพลังเอนไซม์บำบัดดื่มเพื่อ..... เสริมเอนไซม์และสารอาหาร ชะล้างสารพิษ และฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง 


แล้วอย่างนี้ต้องดื่มไปตลอดหรือเปล่าค่ะ??? แนะมีคนถามมาจนได้อีกคำถาม เมื่อกล้าถามก็ต้องกล้าตอบ


การกินหรือดื่มอาหารซ้ำ ๆ ไปตลอดอย่างไรก็ไม่ดี เฉกเช่นเดียวกัน การดื่มน้ำพลังเอนไซม์บำบัด ดื่มเพื่อจุดประสงค์อะไร ก่อนดื่มก่อนกินเราก็ควรต้องคิดก่อน ไม่ใช่สักแต่ว่าดื่ม เพราะเขาบอกว่าดี 


น้ำพลังเอนไซม์บำบัด จริง ๆ แล้วดื่มได้ตลอด เพราะไม่มีตกค้างในร่างกาย ร่างกายสามารถทำลายและขับออกไปได้ แต่การดื่มให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายเราจริง ๆ คือ การดื่มไปเพื่อปรับสมดุลและฟื้นฟูร่างกา ย เมื่อร่างกายแข็งแรงฟื้นฟูสภาพได้แล้ว เราจะดื่มต่อไปหรือหยุดก็ได้ ดื่มต่อไป ก็ช่วยได้ลดการทำงานของเซลล์บางอย่างของร่างกาย แต่ที่เหลือร่างกายก็ขับออก หยุดดื่มก็ได้เมื่อร่างกายกลับมาแข็งแรงเซลล์ทำงานได้เต็มที่แล้ว แต่สักพักร่างกายและเซลล์ก็จะอ่อนแออีก ก็ต้องกลับมาเสริมมาดื่มอีก


ก็ลองพิจารณาเอาเองเถอะว่าจะเอาแบบไหน มิได้มีข้อจำกัดว่าดื่มแล้วต้องดื่มตลอด อยากให้ถามตัวเอง ร่างกายของตนเอง พิจารณาเอาเองเถอะว่าตอนนี้เป็นอย่างไร แข็งแรง ทำงานเองได้ดีไหม หรือต้องการอะไรไปเสริมไปช่วย


บ้านคนรักสุนทราภรณ์