เอนไซม์น้ำหมักชีวภาพจากผลไม้รวม ดร.รสสุคนธ์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และความงาม
บทความสุขภาพ ความสวย ความงาม เครื่องสำอาง น้ำเอนไซม์ น้ำหมักชีวภาพ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงค์ บ้านรักษ์สุขภาพ
เอนไซม์ น้ำหมักชีวภาพเพื่อชีวิต
ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ เรียบเรียงโดย ปุญโญ มีบรรจง
สำหรับการทำน้ำหมักชีวภาพ หรือเอนไซม์เพื่อการบริโภคนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล น้ำสมอดอง ถือเป็นน้ำอมตะ และยาอายุวัฒนะแห่งการรักษาชีวิต หากจะแปลความจากการวิเคราะห์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ น้ำหมักชีวภาพ หรือเอนไซม์ ก็คือ น้ำบูดมูตรเน่า เถ้าดอง ที่มีอยู่ในพระไตรปิฏก ถ้าในปัจจุบัน ก็จะเป็นน้ำหมักจากผลไม้ หรือ น้ำส้มหมัก หรือ น้ำส้มไซเดอร์ ก็ได้
สารอินทรีย์ที่ได้จากการหมักนั้นได้ทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์แก่มวลมนุษยชาติมานานนับพันปี
ซึ่งตลอดเวลาของการค้นคว้าคณะสงฆ์เครือข่ายภาคอีสาน และชมรมบ้านสุขภาพ ได้ร่วมศึกษาและค้นคว้าพืชผักผลไม้ สมุนไพรต่างๆ นานาชนิดที่มีอยู่ในประเทศไทย
พบว่า การนำ "ผัก ผลไม้มาหมักตามทฤษฎีการแตกตัวของอนุมูลสารอาหาร เพื่อให้เกิดการซึมของน้ำหมัก จะได้สารอาหารซึ่งอยู่ในรูปของสารละลาย ที่ครบทั้ง 5 หมู่ " เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการในสภาวะฟื้นฟูและดูแลสุขภาพ
จากขบวนการหมัก สารอาหารที่ออกมานั้นอยู่ในรูปของ กรดอะมิโน จากโปรตีน พลังงานจากแป้ง วิตามินและแร่ธาตุจากผักผลไม้ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสารอาหารที่ร่างกาย ต้องการในระดับต่างๆ กัน
ในน้ำหมักชีวภาพก็จะประกอบไปด้วยส่วนประกอบที่หลากหลาย เช่น จุลินทรีย์ กรดอะมิโน กรดอินทรีย์ น้ำตาล วิตามิน ฮอร์โมน เอนไซม์ ฯลฯ
ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้ล้วนได้มาจากกระบวนการหมักซึ่งเป็นขั้นตอนหลักของการได้มาซึ่งน้ำหมักชีวภาพ สารสำคัญที่เกิดขึ้นนี้บางตัวก็จัดได้ว่าเป็นสารที่มีคุณประโยชน์ต่อการบริโภคกล่าวคือ เมื่อกินเข้าไปแล้วเป็นผลดีต่อร่างกาย เช่น จุลินทรีย์แลคติก (ที่มีในนมเปรี้ยว โยเกิรต์) กรดอะมิโน กรดแลคติก และสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น
เอนไซม์ คือ โปรตีนที่คัดหลั่งมาจากเซลล์ที่มีฤทธิ์กระตุ้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในสารอื่น ๆ โดยตัวมันเองไม่เปลี่ยนแปลง หรือที่เรียกง่าย ๆ เป็นตัวช่วยในการย่อย หรือเร่งปฏิกิริยาชีวเคมีในร่างกาย นั่งเอง
ชื่อเอนไซม์ ถูกเสนอโดยนักสรีรวิทยาชาวเยอรมันในปี 1867 มาจากกลุ่มคำศัพท์ “Enzyme” เป็นคำเรียกสารที่มีโปรตีนและวิตามินอยู่ร่วมกัน และทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการย่อย กระนั้นเอนไซม์ยัง
จำแนกได้อีก 700 กว่าชนิด
การหมักน้ำเอนไซม์ มีกระบวนการทางเคมีทางทฤษฏีของการเปลี่ยนแป้งและน้ำตาล จากผลไม้เป็นกรดน้ำส้ม สูตรทางเคมีคือ CH3COOH เมื่อละลายน้ำแล้วน้ำส้มสายชูก็จะสลายตัวเป็นโอโซน
ซึ่ง O3 ก็คือ โอโซน มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค และทำให้อากาศมีปริมาณออกซิเจนเพิ่มขึ้น ช่วยลดมลพิษของบรรยากาศ**** (ซึ่งจะกล่าวไว้ในหนังสือจุดประกายฝัน)
ดังนั้น เอนไซม์ คือ สารที่เกิดจากขบวนการแตกตัวสารอาหารด้วยขบวนการ IONIC DISCHARGE ซึ่งเป็นการได้รับสารอาหารในรูปของอิออนบวกและลบ ทำให้เกิดการสลายอนุมูลอิสระในร่างกาย ให้เกิดเป็นอนุมูลธาตุ ซึ่งช่วยทำให้เซลล์และระบบเคมีในร่างกายเกิดสภาวะสมดุลจนเกิดอาการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและเสื่อมไปได้อย่างรวดเร็ว
ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของชมรมบ้านสุขภาพ
สำหรับการทำน้ำหมักชีวภาพ หรือเอนไซม์เพื่อการบริโภคนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล น้ำสมอดอง ถือเป็นน้ำอมตะ และยาอายุวัฒนะแห่งการรักษาชีวิต หากจะแปลความจากการวิเคราะห์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ น้ำหมักชีวภาพ หรือเอนไซม์ ก็คือ น้ำบูดมูตรเน่า เถ้าดอง ที่มีอยู่ในพระไตรปิฏก ถ้าในปัจจุบัน ก็จะเป็นน้ำหมักจากผลไม้ หรือ น้ำส้มหมัก หรือ น้ำส้มไซเดอร์ ก็ได้
สารอินทรีย์ที่ได้จากการหมักนั้นได้ทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์แก่มวลมนุษยชาติมานานนับพันปี
ซึ่งตลอดเวลาของการค้นคว้าคณะสงฆ์เครือข่ายภาคอีสาน และชมรมบ้านสุขภาพ ได้ร่วมศึกษาและค้นคว้าพืชผักผลไม้ สมุนไพรต่างๆ นานาชนิดที่มีอยู่ในประเทศไทย
พบว่า การนำ "ผัก ผลไม้มาหมักตามทฤษฎีการแตกตัวของอนุมูลสารอาหาร เพื่อให้เกิดการซึมของน้ำหมัก จะได้สารอาหารซึ่งอยู่ในรูปของสารละลาย ที่ครบทั้ง 5 หมู่ " เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการในสภาวะฟื้นฟูและดูแลสุขภาพ
จากขบวนการหมัก สารอาหารที่ออกมานั้นอยู่ในรูปของ กรดอะมิโน จากโปรตีน พลังงานจากแป้ง วิตามินและแร่ธาตุจากผักผลไม้ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสารอาหารที่ร่างกาย ต้องการในระดับต่างๆ กัน
ในน้ำหมักชีวภาพก็จะประกอบไปด้วยส่วนประกอบที่หลากหลาย เช่น จุลินทรีย์ กรดอะมิโน กรดอินทรีย์ น้ำตาล วิตามิน ฮอร์โมน เอนไซม์ ฯลฯ
ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้ล้วนได้มาจากกระบวนการหมักซึ่งเป็นขั้นตอนหลักของการได้มาซึ่งน้ำหมักชีวภาพ สารสำคัญที่เกิดขึ้นนี้บางตัวก็จัดได้ว่าเป็นสารที่มีคุณประโยชน์ต่อการบริโภคกล่าวคือ เมื่อกินเข้าไปแล้วเป็นผลดีต่อร่างกาย เช่น จุลินทรีย์แลคติก (ที่มีในนมเปรี้ยว โยเกิรต์) กรดอะมิโน กรดแลคติก และสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น
เอนไซม์ คือ โปรตีนที่คัดหลั่งมาจากเซลล์ที่มีฤทธิ์กระตุ้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในสารอื่น ๆ โดยตัวมันเองไม่เปลี่ยนแปลง หรือที่เรียกง่าย ๆ เป็นตัวช่วยในการย่อย หรือเร่งปฏิกิริยาชีวเคมีในร่างกาย นั่งเอง
ชื่อเอนไซม์ ถูกเสนอโดยนักสรีรวิทยาชาวเยอรมันในปี 1867 มาจากกลุ่มคำศัพท์ “Enzyme” เป็นคำเรียกสารที่มีโปรตีนและวิตามินอยู่ร่วมกัน และทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการย่อย กระนั้นเอนไซม์ยัง
จำแนกได้อีก 700 กว่าชนิด
การหมักน้ำเอนไซม์ มีกระบวนการทางเคมีทางทฤษฏีของการเปลี่ยนแป้งและน้ำตาล จากผลไม้เป็นกรดน้ำส้ม สูตรทางเคมีคือ CH3COOH เมื่อละลายน้ำแล้วน้ำส้มสายชูก็จะสลายตัวเป็นโอโซน
ซึ่ง O3 ก็คือ โอโซน มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค และทำให้อากาศมีปริมาณออกซิเจนเพิ่มขึ้น ช่วยลดมลพิษของบรรยากาศ**** (ซึ่งจะกล่าวไว้ในหนังสือจุดประกายฝัน)
ดังนั้น เอนไซม์ คือ สารที่เกิดจากขบวนการแตกตัวสารอาหารด้วยขบวนการ IONIC DISCHARGE ซึ่งเป็นการได้รับสารอาหารในรูปของอิออนบวกและลบ ทำให้เกิดการสลายอนุมูลอิสระในร่างกาย ให้เกิดเป็นอนุมูลธาตุ ซึ่งช่วยทำให้เซลล์และระบบเคมีในร่างกายเกิดสภาวะสมดุลจนเกิดอาการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและเสื่อมไปได้อย่างรวดเร็ว
ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของชมรมบ้านสุขภาพ
- น้ำพลังเอนไซม์บำบัด เครื่องดื่มปรับสมดุลฟื้นฟูสุขภาพ
- เอนไซม์หยอดล้างตา เพื่อดวงตาที่สดใส เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ดวงตา
- เอนไซม์แช่ล้างผัก ผลไม้ ไข่ไก่ เพื่อลดสารพิษที่จะเข้าสู่ร่างกายคุณ
- เอนไซม์อาบน้ำสระผม จากธรรมชาติ 100% ลดการสัมผัสสารเคมีในชีวิตประจำวัน
- ครีมบำรุงผิวพลังเอนไซม์สูตรกลางวัน เพื่อผิวขาวใส
- ครีมบำรุงผิวพลังเอนไซม์สูตรกลางคืน เพื่อฟื้นฟูสภาพผิว ลดริ้วรอย
18 กันยายน 2554
ประโยชน์ของหอมใหญ่ ในน้ำผักปั่น
หัวหอม หรือ หอมใหญ่ เป็นผัก ที่มีสารอาหารสูง เช่น
- วิตามิน B1 สูง
- วิตามิน B2 สูง ที่ช่วยบรรเทาความอ่อนเปลี้ยเพลียแรงของกล้ามเนื้อ เสริมสร้างสุขภาพ และความงามของผิวพรรณ เล็บ และผม
- เพิ่มการเผาผลาญอาหารประเภทไขมัน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และกระตุ้นการสร้างเซลล์ในร่างกาย (ไม่ต้องสงสัยทำไมทานน้ำผักปั่นแล้วน้ำหนักลดจริง)
- ช่วยทำให้ดวงตาสดใส (ฟื้นฟูเซลล์ประสาทตา)
- เสริมสร้างเซลล์ และระบบประสาทให้แข็งแรง
- วิตามิน C สูง
- ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงทำให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัยไร้ริ้วรอย
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งที่กระเพาะอาหาร
- ช่วยยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด
- ช่วยลดความดันโลหิต ส่งผลดีต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูง
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน
- ช่วยขับเสมหะ ขับปัสสาวะ
- ช่วยเผาผลาญอาหาร เหมาะใช้ลดความอ้วน
- ป้องกันการเกิดโรคหวัด
- บรรเทาอาการตะคริว เหน็บชาตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- ทำให้จิตใจแจ่มใส่ไม่เครียด ไม่วิตกกังวล
- ช่วยบำรุงความงาม ผิวพรรณ ผม ขน เล็บ กระดูก
- ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเพศ รักษาสมรรถภาพทางเพศดี และไม่แก่ก่อนวัย
- ทำให้นอนหลับสบาย หลับสนิทนานขึ้น
- บรรเทาปัญหาผิวพรรณได้ เช่น สิว ฝ้า จุดด่างดำ
- บรรเทาอาการคลื่นเหียนอาเจียน
อาหารฟื้นฟู และอาหารต้องห้ามของชมรมบ้านสุขภาพ
จากการเก็บข้อมูลของผู้เข้ารับการบำบัด ณ ชมรมบ้านสุขภาพนั้น ทำให้เราพบว่า
ทำให้มีคำถามต่าง ๆ มากมายที่มักจะถามเสมอว่า ในเมื่อขบวนการบำบัดในแนวทางธรรมชาติบำบัดนั้นงดใช้ยา และนำอาหารมาใช้ทดแทน อาหารชนิดใดที่จะทานได้ และอาหารชนิดใดที่เป็นของต้องห้าม
ดังนั้นทางชมรมบ้านสุขภาพจึงได้รวบรวมอาหารต้องห้าม และ อาหารฟื้นฟูสุขภาพสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไต ตับ ลำไส้ และมะเร็ง ดังนี้
อาหารต้องห้ามสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไต ตับ ลำไส้ และมะเร็ง
อาหารฟื้นฟู ไต ตับ ลำไส้ มะเร็ง
โรคที่คุกคามคนไทยเป็นจำนวนมาก ก็คือ โรคที่เกี่ยวข้องกับ
" ไต ตับ ลำไส้ และมะเร็ง"
ทำให้มีคำถามต่าง ๆ มากมายที่มักจะถามเสมอว่า ในเมื่อขบวนการบำบัดในแนวทางธรรมชาติบำบัดนั้นงดใช้ยา และนำอาหารมาใช้ทดแทน อาหารชนิดใดที่จะทานได้ และอาหารชนิดใดที่เป็นของต้องห้าม
ดังนั้นทางชมรมบ้านสุขภาพจึงได้รวบรวมอาหารต้องห้าม และ อาหารฟื้นฟูสุขภาพสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไต ตับ ลำไส้ และมะเร็ง ดังนี้
อาหารต้องห้ามสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไต ตับ ลำไส้ และมะเร็ง
- ของดอง
- ชะเอม
- ชะพลู
- ใบยอ
- ชุงฉ่าย
- ผักโขม
- สะเดา
- ไชเท้า
- ขี้เหล็ก ใบขี้เหล็ก ใบขี้เหล็กหวาน
- ใบมะม่วงหิมพานต์
- สะตอ
- ลูกเนียง
- กระถิน
- ชะอม
- หน่อไม้
- คะน้า
- แตงกวา
- กระหล่ำปลี
- กระหล่ำดอก
- หัวปลี
- ใบกุยช่าย
- บล็อคโคลี่
- มะละกอดิบ
- ฟักทอง
- งาดำ (ร้อนทำให้ท้องอืด)
- ข้าวโพด (มีไขมันมาก มีไขมันที่ย่อยไม่หมด ทำให้เลือดข้น)
- ถั่วลิสง
- เมล็ดมะม่วงหิมพานต์
- แครอท
- อัลมอนด์
- ถั่วเน่า
- เต้าเจี้ยว
- ซีอิ๊ว เกลือ กะปิ
- สาหร่ายทะเล
- กะทิ
- เผือก (มีแก๊สมาก)
- ลูกกะ
- อาหารทะเลทุกชนิด
- น้ำตาลกรวด
- มะม่วง
- ฝรั่ง (ทำให้ปวด)
- มะพร้าวอ่อน
- ทุเรียน
- ละมุด
- ลำไย
- ขนุน
- แตงโม
- นมข้น
- สัปปะรด
- คอฟฟี่เมท
- แป้งสาคู
- แป้งเปียก
- ข้าวเหนียว
- น้ำตาลทราย
- ขนมจีน
- อาหารขัดผิว
- ก๋วยเตี๋ยว
- แกงป่า แกงส้ม แกงอ่อม
- มันสำปะหลังและใบ (มีไซยานิคแอซิด)
- ผักกระโดน
- กุ้งแห้ง
- ส้มตำ
- ทอฟฟี่
- ไอศกรีม เนย ชีส
- ขนมเค็ก คุกกี้
- เนื้อหมู
- เนื้อวัว เป็ด ไก่ กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก
- เครื่องในทุกชนิด
- อาหารกระป๋อง น้ำอัดลม ชา กาแฟ
- เครื่องดื่มชูกำลัง แบรนด์ รังนก
อาหารฟื้นฟู ไต ตับ ลำไส้ มะเร็ง
- ลูกเกด (โรคมะเร็งงด)
- ขนมปังโฮลวีท (งดผงฟู)
- ผักบุ้ง มะระ (กินสดใช้น้ำส้มสายชูหรือ เอนไซม์ล้าง)
- บวบ ( สามอย่างนึ่งโรยด้วยพริกไทย)
- ลูกเดือยข้าวเจ้า (ดูดซึมเร็ว)
- ผักหวาน ผักกาดขาว ผักกาดเขียว
- ตำลึง กวางตุ้ง ฟักเขียว หน่อไม้ฝรั่ง
- ใบมะขามอ่อน ดอกมะขามอ่อน
- กระเทียม หอมใหญ่
- เต้าหู้ขาว
- ต้นกระเทียม
- ยอดฟักทอง ดอกไม้จีน
- โปรตีนเกษตร
- วุ้นเส้น ฟองเต้าหู้
- ดอกแค ยอดแค เห็ดทุกชนิด
- เห็ดหูหนูขาว-ดำ
- อ่อมแซบ
- ยอดมะยม
- ใบทองหลาง
- มะตูมสุก
- มะขวิด มันเทศ
- เก๋ากี้ เก็กฮวย
- ยอดผักบุ้ง + กระเจี๊ยบเขียว (ใช้ย่าง แก้โรคพยาธิ)
- ลูกพลับสด (ให้พลังงาน)
- พุทราจีน เม็ดบัว
- ถั่วดำ เมล็ดทานตะวัน
- ใบกระทกรก (ทำซุปผักได้ดี ดีสำหรับคนเป็นหวัด)
- ถั่วพร้า (สร้างภูมิคุ้มกัน)
- มะเขือพะวง ระกำ
- อี่หร่ำ – อีชึก (ลวก)
- ผักพาย (กินสด)
- เกาลัด ( สารดูดซึมน้ำตาลมีไขมันน้อย)
- รากบัว มันแกว กล้วยต้ม
- มังคุด
- แอปเปิ้ล ( ให้พลังงานสูงมาก)
- เม็ดฝักบัวสด ( 1 เม็ด = ข้าว 1 กำมือ)
- ผักโสม ใบหมุ่ย
- องุ่น ( ขับปัสสาวะป้องกันนิ่วในไต)
- น้ำองุ่นสดปั่น (จะทำความสะอาดตับ-ไต กินประมาณ 2 อาทิตย์)
- ใบบัวบกอินเดีย มะแว้งต้น
- ผักคาวตอง (มีแคลเซียมมาก โรคโลหิตจางควรกิน)
- ใบมันปู
24 ตุลาคม 2554
อาหารฟื้นฟู และอาหารต้องห้ามของชมรมบ้านสุขภาพ
จากการเก็บข้อมูลของผู้เข้ารับการบำบัด ณ ชมรมบ้านสุขภาพนั้น ทำให้เราพบว่า
ทำให้มีคำถามต่าง ๆ มากมายที่มักจะถามเสมอว่า ในเมื่อขบวนการบำบัดในแนวทางธรรมชาติบำบัดนั้นงดใช้ยา และนำอาหารมาใช้ทดแทน อาหารชนิดใดที่จะทานได้ และอาหารชนิดใดที่เป็นของต้องห้าม
ดังนั้นทางชมรมบ้านสุขภาพจึงได้รวบรวมอาหารต้องห้าม และ อาหารฟื้นฟูสุขภาพสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไต ตับ ลำไส้ และมะเร็ง ดังนี้
อาหารต้องห้ามสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไต ตับ ลำไส้ และมะเร็ง
อาหารฟื้นฟู ไต ตับ ลำไส้ มะเร็ง
โรคที่คุกคามคนไทยเป็นจำนวนมาก ก็คือ โรคที่เกี่ยวข้องกับ
" ไต ตับ ลำไส้ และมะเร็ง"
ทำให้มีคำถามต่าง ๆ มากมายที่มักจะถามเสมอว่า ในเมื่อขบวนการบำบัดในแนวทางธรรมชาติบำบัดนั้นงดใช้ยา และนำอาหารมาใช้ทดแทน อาหารชนิดใดที่จะทานได้ และอาหารชนิดใดที่เป็นของต้องห้าม
ดังนั้นทางชมรมบ้านสุขภาพจึงได้รวบรวมอาหารต้องห้าม และ อาหารฟื้นฟูสุขภาพสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไต ตับ ลำไส้ และมะเร็ง ดังนี้
อาหารต้องห้ามสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไต ตับ ลำไส้ และมะเร็ง
- ของดอง
- ชะเอม
- ชะพลู
- ใบยอ
- ชุงฉ่าย
- ผักโขม
- สะเดา
- ไชเท้า
- ขี้เหล็ก ใบขี้เหล็ก ใบขี้เหล็กหวาน
- ใบมะม่วงหิมพานต์
- สะตอ
- ลูกเนียง
- กระถิน
- ชะอม
- หน่อไม้
- คะน้า
- แตงกวา
- กระหล่ำปลี
- กระหล่ำดอก
- หัวปลี
- ใบกุยช่าย
- บล็อคโคลี่
- มะละกอดิบ
- ฟักทอง
- งาดำ (ร้อนทำให้ท้องอืด)
- ข้าวโพด (มีไขมันมาก มีไขมันที่ย่อยไม่หมด ทำให้เลือดข้น)
- ถั่วลิสง
- เมล็ดมะม่วงหิมพานต์
- แครอท
- อัลมอนด์
- ถั่วเน่า
- เต้าเจี้ยว
- ซีอิ๊ว เกลือ กะปิ
- สาหร่ายทะเล
- กะทิ
- เผือก (มีแก๊สมาก)
- ลูกกะ
- อาหารทะเลทุกชนิด
- น้ำตาลกรวด
- มะม่วง
- ฝรั่ง (ทำให้ปวด)
- มะพร้าวอ่อน
- ทุเรียน
- ละมุด
- ลำไย
- ขนุน
- แตงโม
- นมข้น
- สัปปะรด
- คอฟฟี่เมท
- แป้งสาคู
- แป้งเปียก
- ข้าวเหนียว
- น้ำตาลทราย
- ขนมจีน
- อาหารขัดผิว
- ก๋วยเตี๋ยว
- แกงป่า แกงส้ม แกงอ่อม
- มันสำปะหลังและใบ (มีไซยานิคแอซิด)
- ผักกระโดน
- กุ้งแห้ง
- ส้มตำ
- ทอฟฟี่
- ไอศกรีม เนย ชีส
- ขนมเค็ก คุกกี้
- เนื้อหมู
- เนื้อวัว เป็ด ไก่ กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก
- เครื่องในทุกชนิด
- อาหารกระป๋อง น้ำอัดลม ชา กาแฟ
- เครื่องดื่มชูกำลัง แบรนด์ รังนก
อาหารฟื้นฟู ไต ตับ ลำไส้ มะเร็ง
- ลูกเกด (โรคมะเร็งงด)
- ขนมปังโฮลวีท (งดผงฟู)
- ผักบุ้ง มะระ (กินสดใช้น้ำส้มสายชูหรือ เอนไซม์ล้าง)
- บวบ ( สามอย่างนึ่งโรยด้วยพริกไทย)
- ลูกเดือยข้าวเจ้า (ดูดซึมเร็ว)
- ผักหวาน ผักกาดขาว ผักกาดเขียว
- ตำลึง กวางตุ้ง ฟักเขียว หน่อไม้ฝรั่ง
- ใบมะขามอ่อน ดอกมะขามอ่อน
- กระเทียม หอมใหญ่
- เต้าหู้ขาว
- ต้นกระเทียม
- ยอดฟักทอง ดอกไม้จีน
- โปรตีนเกษตร
- วุ้นเส้น ฟองเต้าหู้
- ดอกแค ยอดแค เห็ดทุกชนิด
- เห็ดหูหนูขาว-ดำ
- อ่อมแซบ
- ยอดมะยม
- ใบทองหลาง
- มะตูมสุก
- มะขวิด มันเทศ
- เก๋ากี้ เก็กฮวย
- ยอดผักบุ้ง + กระเจี๊ยบเขียว (ใช้ย่าง แก้โรคพยาธิ)
- ลูกพลับสด (ให้พลังงาน)
- พุทราจีน เม็ดบัว
- ถั่วดำ เมล็ดทานตะวัน
- ใบกระทกรก (ทำซุปผักได้ดี ดีสำหรับคนเป็นหวัด)
- ถั่วพร้า (สร้างภูมิคุ้มกัน)
- มะเขือพะวง ระกำ
- อี่หร่ำ – อีชึก (ลวก)
- ผักพาย (กินสด)
- เกาลัด ( สารดูดซึมน้ำตาลมีไขมันน้อย)
- รากบัว มันแกว กล้วยต้ม
- มังคุด
- แอปเปิ้ล ( ให้พลังงานสูงมาก)
- เม็ดฝักบัวสด ( 1 เม็ด = ข้าว 1 กำมือ)
- ผักโสม ใบหมุ่ย
- องุ่น ( ขับปัสสาวะป้องกันนิ่วในไต)
- น้ำองุ่นสดปั่น (จะทำความสะอาดตับ-ไต กินประมาณ 2 อาทิตย์)
- ใบบัวบกอินเดีย มะแว้งต้น
- ผักคาวตอง (มีแคลเซียมมาก โรคโลหิตจางควรกิน)
- ใบมันปู
บทบัญยัติ 10 ประการ เพื่อสุขภาพ
บทปฏิบัติ 10 ประการ เพื่อสุขภาพ ของชมรมบ้านสุขภาพ
ผัก ผลไม้ พวกมียางห้ามนำไปปั่นเด็ดขาด เพราะยางจะเปลี่ยนรูปเป็นยางมะตอย เช่น ผักบุ้ง ใบบัวบก ว่านหางจระเข้ แก้วมังกร อโวคาโด เนื้อฝรั่ง ไม่ดีต่อไต และแครอทไม่เหมาะกับคนไทยเพราะมีแคลเซียมไบคาบอเนทที่ย่อยยาก
หรือถ้าจะให้ง่าย ๆ จริง ๆ ไม่ยุ่งยาก ได้ทั้งเอนไซม์จากผลไม้นานาชนิด และสารอาหารต่าง ๆ ในโมเลกุลที่เล็กมากสามารถดูดซึมไปใช้ได้ในทันที คุณก็สามารถหาซื้อดื่มได้ง่าย ๆ คือ เครื่องดื่มพลังเอนไซม์บำบัด
- ตื่นนอน 04.00 น. เข้าห้องน้ำ
- ดื่มน้ำผสมเอนไซม์ ทันทีที่ตื่นนอน 500 ซีซี และทุก ๆ ชั่วโมง
- ดื่มน้ำโหระพา 250 ซีซี ก่อนอาหารทุกมื้อ
- ดื่มน้ำข้าวผง/น้ำข้าวกล้อง 250 ซีซี 3 มื้อ
- ออกกำลังกายตอนเช้า 5.30 - 6.00 น.
- กินอาหารไร้สารพิษเช้า 7.00 น. กลางวัน 11.30 น. และเย็น 17.30 น.
- ทยอยดื่มน้ำผักปั่นทันทีที่ปั่นเสร็จ ครั้งละ 1 ลิตร 3 ครั้งต่อวัน
- ทำสมาธิ และเข้านอนไม่เกิน 21.00 น.
- ถ่ายอุจจาระตอนเช้าไม่เกิน 6.30 น.
- อยู่ในที่อากาศสะอาด
ผัก ผลไม้ พวกมียางห้ามนำไปปั่นเด็ดขาด เพราะยางจะเปลี่ยนรูปเป็นยางมะตอย เช่น ผักบุ้ง ใบบัวบก ว่านหางจระเข้ แก้วมังกร อโวคาโด เนื้อฝรั่ง ไม่ดีต่อไต และแครอทไม่เหมาะกับคนไทยเพราะมีแคลเซียมไบคาบอเนทที่ย่อยยาก
หรือถ้าจะให้ง่าย ๆ จริง ๆ ไม่ยุ่งยาก ได้ทั้งเอนไซม์จากผลไม้นานาชนิด และสารอาหารต่าง ๆ ในโมเลกุลที่เล็กมากสามารถดูดซึมไปใช้ได้ในทันที คุณก็สามารถหาซื้อดื่มได้ง่าย ๆ คือ เครื่องดื่มพลังเอนไซม์บำบัด
-----------------------------------------------
บ้านคนรักสุนทราภรณ์