ไปที่เว็บ_พระไตรปิฏกฉบับอ่าน..

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554



-
ดูพระที่เพี้ยน หรือว่าเป็นโรคเทวทัตยุคใหม่ มาเกิด (เป็นพระนักเลง)  ไม่เหมาะสมที่จะคลองผ้าเหลือง


             พระองค์นี้ ที่จะทำให้สังคมแตกแยก ทำเป็นนักกฏหมาย รู้พระไตรปิกฏ โดยตีความแบบไม่พิจารณา ที่ไปที่มาของกฏนั้นๆ พระพุทธเจ้าให้ยึดหลักธรรม คือหลักของธรรมชาติ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกฏของกรรม หรือของธรรมชาติ หรือตามเหตุปัจจัยในเวลานั้น ตามความเป็นจริง โดยไม่มีกิเลสในใจของใครหรือคนที่จะเป็นตัวกำหนดเขาข้างตัวเอง หรือแนวคิดตัวเอง แล้วชี้นำคนอื่น ให้คล้อยหลงไปตาม โดยอ้างเหตุ ที่ผู้อื่นเข้าใจได้อยาก เช่นเดียวกับกฏหมายชาวโลก หรือทางโลกเขาว่ากันไป โดยตีความเอา ...



        ข่าวที่ออกทางช่อง 3  พระเกษมทำตัวแบบนี้ ก็คล้ายพวก อลัดชี ไม่เขาพวกทำตัวให้นอกเหนือคนอื่นเขา หรือถ้าคิดว่าตัวเองดีเยี่ยมแล้ว โดยมาบวชเพื่อความหลุดพ้นจากทางโลกให้เข้าถึงพระปรินิพาน
ก็ไม่ควรแสดงตัวอวดเก่ง อย่างที่เห็นอยู่ แม้นแต่คนไม่ได้บวชก็เข้าถึงขั้นโสดบันได้ครับ ก็ไม่เป็นข่าว
ทำต้วแบบนี้ถือว่า ลูกหลานเทวทัตมาเกิด แล้วยังมาพูดจายั่วยุทางชาวโลกอีก แบบอิชฉา ริษยา แสดงถึงภายในจิตใจพระองค์นี้ ก็ไม่สงบยังแสวงหากิเลสอยู่เหมือนกัน
        คนที่มีใจศรัทธากับพระองค์นี้ เป็นประเภทมีจิตใจแบบเดียวกัน หรือไม่ก็เข้าผิดไป โดยการใช้คำพูดชักชวนไป ด้วยเล่ห์เหลี่ยม เพทุบาย  อ้างพระไตรปิกฏ ซึ่งคนส่วนมากนับถือส่วนนี้อยู่แล้ว ก็คล้อยตามง่ายดาย  เนื่องจากคนสมัยนี้มีจิตใจว้าวุ้นอยู่แล้ว (เป็นเหตุ เป็นปัจจัย) ให้เกิดมีขึ้น.....


              พระนักเลง เป็นเวรกรรมของคนชาวพุทธ ที่ไปหลงศรัทธา เป็นกรรมของเขา แม้แต่องค์สมมุติ
เป็นองค์แทนของพระพุทธเจ้า  หรือพระพุทธรูป แสดงการดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งตัวเองก็มาผึ้งใบบุญของพระพุทธเจ้า โดยถือว่าเป็นศิษย์ตถาคต  ทำตัวแบบที่ว่า หรือเห็นนี้ เป็นการลบหลู่พระศาสนาของชาวพุทธโดยแท้  แต่อย่าลืมว่าบาป - บุญมีจริง ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น นี้คือส่วนหนึ่งของพระพุทธเจ้าไม่ต้องไปอ้างพระไตรปิกฏเลย เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้า อยู่ในธรรมชาตินั้นเอง


                         พระที่เห็นในคลิป อวยอ้างได้ดีมาก ถ้าเข้าถึงองค์ธรรมจริงแล้วไซร์ จะไม่เห็นเป็นในคลิปนี้ อย่างเด็ดขาด เป็นการแสดงอวยอ้างมากกว่า การพูดจาเก่ง ธรรมะของพระพุทธเจ้าซับซ้อน เร้นลับสำหรับผู้เข้าได้อยาก แด่พระองค์นี้อ้างพระไตรปิกฏตลอดเวลา ที่ได้กล่าวมา ถ้าไม่กราบไหว้ผู้มีพระคุณแล้ว มันจะขัดแย้งกับคำสั่งสอนของพระศาสดา หรือพระพุทธศาสนา ทำให้ศาสนาเกิดการแตกแยกได้ง่ายมาก โดยการตีความจากพระไตรปิกฏ  เทียบกับกฏหมายทางโลกก็ตีความกันไปต่างๆนาๆ ให้เข้าข้างตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริง   จะเป็นบ่เกิดขอลัทธิต่างๆได้โดยแอบเอาศาสนาพุทธมาใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อหาแนวร่วมในขบวนการทางความคิดเดียวกัน   เป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนามาก
แต่ผู้เขี่ยนก็หวังกฏแห่งกรรมเท่านั้น  ที่จะนำพวกเขาเหล่านั่นไปลงนรก ถ้าคิดร้ายต่อพระพุทธศาสนา
แค่ไม่กราบไหว้พระพุทธรูป ก็ผิดแล้ว ถือว่าเนรคุณต่อผู้ให้กำเนิดของตัวผู้นั่น ที่ว่าบอกว่าบูชาศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เพราะไม่มีโอกาสที่จะได้พบเห็นตัวจริงท่านพระพุทธเจ้าได้เลย ก็ต้องยึดถือองค์แทนหรือองค์สมมุติพระพุทธเจ้า เป็นที่บูชาสักการะแทน และเกิดอำนาจอันยิ่งใหญ่ อยู่ในตัวอยู่แล้วในองค์สมมุตินั่น  ส่วนมาอ้างพระไตรปิกฏนั้น เรียกว่าเพี้ยนจากเดิมเป็นการตีความที่ผิดไปจากความเป็นจริง เพื่อให้เข้าข้างตัวเองในการใช้คำสำนวนที่เพี้ยนไป.....
ยังอวดอ้างตัวเองได้เห็นได้เจอสิ่งนู้นสิ่งนี้ชาวบ้านที่มีจิตเดียวกัน หลงผิดได้....  ให้ไปยึดมั่นในตัวผู้นั้นแทนพระพุทธเจ้านั้นเอง  เมื่อคนเหล่านั้นหลงเข้าไปแล้วเป็นจำนวนมากก็จะสร้างอาณาจักรเองขึ้นมาได้ง่ายดาย เป็นขบวนาการทำให้เกิดการแตกแยก ในพระพุทธศาสนา    (คำของพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ศาสนาของพระองค์จะเสื่อมหาย เกิดจากชาวพุทธด้วยกัน)   เปรียบเสมือนปลวกกินไม้



     พระรูปนี้ ได้อ้างพระไตรปิกฏ และ พูดคำภาษาบาลี อยู่เป็นเนืองนิตย์ ให้เกิดความคลัง ชาวบ้านเมื่อฟังจะเกิดการศรัทธาแบบไม่มีเหตุผล เพราะไม่เข้าบาลีอยู่   แม้แต่สิ่งใกล้ตัวไม่รู้บุญคุณแล้วที่ไกลตัวออกไป ไม่แย่หรือ รูปพระพุทธเจ้าก็ไม่เคยเห็น จะนับถือได้อย่างไร ไปเอาคำกล่าวของพระพุทธเจ้า ที่บอกให้กับพระอานนท์ ที่หลงไหลในรูปพระพุทธองค์เอามาตีความ ผิดไปจากเดิมจริง  แล้วไปอ้างพระวินัยซึ้งเป็นกฏระเบียบปฏิบัติ ของสงฆ์ ว่าเป็นคำสอน   คำสั่งสอนไม่เห็นกล่าวถึง   คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์  อันตรายมากกับอลัดชีรูปนี้   ชาวบ้านจะเพี้ยนตามไปด้วย การหลงเข้าใจผิดๆ นี้ เป็นพลังที่ทางมารที่ยิ่งใหญ่มาก ถ้าจำนวนผู้หลงมีมาก เพราะคนพวกนี้เมื่อหลงแล้ว จะไม่ฟังเหตุฟังเหตุ เช่น หญิงหลงรักชาย หรือ ชายรักหญิง ถึงคั้นฆ่าตัวตายได้?.........
      สงสารคนกลุ่มพวกนี้ จริง ขอให้พวกเขาหาเหตุผลมากแย้ง สมณะอลัดชีรูปนี้เทิด  แค่ไม่กราบไหว้
พระพุทธรูปก็แย่แล้ว เพราะพระพุทธรูปเป็นองค์แทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  สามารถคุ้มครองพวกเราได้จริงถ้าเข้าถึงด้วยความบริสุทธิ์ใจ สามารถเอาชนะมารได้ทั้งมวล
       เมื่อไม่ไหว้พระพุทธเจ้าแล้ว....ก็ต้องไหว้อลัดชีรูปนั้น...   (จะเปรียบเป็นพระเจ้าของพวกเขาทำนองเดี่ยวกัน)........


                      อลัดชีคนนี้ พูดเก่งดีจริง ต้องไปเล่นจำอวด ในงานวัดได้ คนดูคงเฮกันใหญ่ ไปเอาวินัยของพระ ที่พระพุทธเจ้าสั่งห้ามการกระทำของสงฆ์ เพื่อให้เป็นระเบียบเพราะ จำนวนพระมากขึ้นและเข้าอยู่ในพระศาสนาพุทธ ต่างสถานะกันหลากหลาย จึงต้องบัญญัติข้อห้ามของพระ ส่วนคำสอนให้หลุดพ้น
จาก โลภ โกรธ หลง  ทุกคนที่เกิดมา นั้นเป็นคำสอนให้เดินทางไปสู่ความสงบสุขชั่วนิรันดร....คือการหลุดพ้นจากการเวียนว่าย ตายเกิด นี้คือจุดประสงค์สูงสุด ของพระพุทธศาสนา โดยไม่ไปบังคับใครๆ แล้วแต่ เวรกรรมของคน คนนั้น ตามบุญ - กรรม  ที่ทำไว้ในอดีต.......(เรียกว่า บุญวาสนาบารมีมาเกิด)