ระบบภูมิคุ้มกันคือ อะไรระบบภูมิคุ้มกัน คือ กุญแจดอกสำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพ โดยจะช่วยในการปกป้องเราจากโรคทุกชนิด ตั้งแต่โรคหวัดจนถึงโรคมะเร็ง นอกจากนั้น ยังสามารถช่วยต่อสู้กับของเสีย และชะบอความชรา ดังนั้น หากเราใช้ชีวิตโดยไม่คำนึงถึงสุขภาพอันเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การรับประทานอาหาร การอยู่ในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่บั่นทอนระบบภูมิคุ้มกันให้อ่อนแอลง และสิ่งที่ตามมาคือ ทำให้เรามีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยต่างได้ง่ายขึ้น
หากจะพูดง่าย ๆ ระบบภูมิคุ้มกันก็เหมือนกับ ทหารที่ปกป้องร่างกายจากเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอม หรือจะเปรียบเหมือน คนกำจัดขยะ ในร่างกายการเราก็ได้อีกเหมือนกัน ดังนั้น หากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ร่างกายก็ย่อมเกิดโรคภัยต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เป็นโรคโน้นโรคนี่ ป่วยบ่อยๆ ร่างกายอ่อนแอนั้นเอง
ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างไร
ระบบภูมิคุ้มกัน ทำหน้าที่เสมือนกองทัพที่ช่วยปกป้องเราจากศัตรูที่จะเข้ามาทำร้ายร่างกายหรือเซลล์เรา ส่วนใหญ่จะอยู่ในระบบน้ำเหลือง และระบบเลือด โดยจะทำหน้าที่ทำลายแบคทีเรีย หรือสิ่งแปลกปลอม รวมถึงการกำจัดเนื่อเยื่อหรือเซลล์ที่ตายแล้วออกไปจากร่างกาย ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันจะทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์เมื่อร่างกายมีความสมดุลของความเป็นกรดด่างในร่างกาย หรือความสมดุลของแบคทีเรียที่ดีและแบคทีเรียก่อโรค ซึ่งแบคทีเรียทั้งสองชนิดจะอยู่กันอย่างสมดุลในลำไส้ ทำให้การย่อยและการดูดซึมอาหารสมบูรณ์ แต่หากแบคทีเรียทั้งสองไม่สมดุลกันจะก่อให้เกิดปัญหาในการย่อย และเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
ศัตรูของระบบภูมิคุ้มกัน
เซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันนั้นต้องการสารอาหารบางประเภทเพื่อช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น สารอินเตอร์เฟียรอน ที่เป็นสารต้านไวรัสและมะเร็งที่ถูกขับออกมาโดยเนื้อเยื่อเมื่อร่างกายได้รับวิตามินซีที่เพียงพอ
ความเครียด การสูบบุหรี หรือการขาดการออกกำลังกาย หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ล้วนก่อให้เกิดความอ่อนแอของระบบภูมิคุ้มกันทั้งสิ้น
ภูมิคุ้มกันต่ำเป็นอย่างไร
ระบบภูมิคุ้มกันต่ำ หรือด้อยประสิทฺธิภาพจะส่งสัญญาณให้เห็นได้ง่าย ๆ เช่น การที่คนเราป่วยเป็นหวัดบ่อย หรือมีระบบย่อยอาหารผิดปกติ มีอาการปวดเมื่อย ผิวหมองคล้ำ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์เสริมภูมิคุ้มกัน
- น้ำผักปั่นพลังเอนไซม์
- น้ำพลังเอนไซม์บำบัด
- น้ำพลังเอนไซม์บำบัดสูตรเข้มข้น
- น้ำพลังเอนไซม์บำบัดสูตร N-2000
- น้ำนมธัญพืช
- น้ำข้าวกล้องผสมธัญพืช
- ต้นข้าวสาลีอ่อน Whe Globerry
- ดอกขี้เหล็ก
- คะน้า
- ผักหวาน
- บล็อกโคลี
- มะม่วงดิบ
- ผักโขม
- ชะอม
- ผักชี
- ดอกกะหล่ำ
- มะขามอ่อน
- ดอกแค
- ผักขึ้นฉ่าย
- วิตามิน A
- วิตามิน C
- วิตามิน D
- วิตามิน E
- ธาตุเซเลเนียม
- ธาตุแมกนีเซียม
- ธาตุสังกะสี
- ธาตุทองแดง
- ธาตุเหล็ก
การย่อยสลายเซลล์มะเร็ง
โครงสร้างการย่อยสลายเซลล์มะเร็งร้ายให้ฝ่อหายไป
โดย ดร. สิทธิพร เปล่งขำ นักวิจัยแห่งชาติ นักวิทยาศาสตร์แพทย์แบบผสมผสาน
ปัจจัยที่ 1 หยุดยั้งการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง โดยการตัดสารอาหารที่ก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกาย
เช่น การอดอาหารเพื่อล้างเซลล์มะเร็ง หรือ การขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย โดยการ detox เช่น การดื่มน้ำเอนไซม์, การออกกำลังกายขับสารพิษ, การทำสมาธิลดความเครียด, การคิดดี อารมณ์ดีอยู่เสมอ
ปัจจัยที่ 2 สารภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
เช่น บำรุงเม็เลือดขาวด้วยอาหาร และวิตามินจากธรรมชาติ, บำรุงตับ และไต เพื่อให้ทำงานขับสารพิษได้ดี, ชำระล้างเลือดหรือสารอาหารที่ตกค้างในเลือดด้วยน้ำเอนไซม์จากผลไม้หรือผักสด, สร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวให้แข็งแรง และมีปริมาณที่เหมาะสมด้วยพลังจากสารอาหารธรรมชาติ
ปัจจัยที่ 3 การย่อยสลายเซลล์มะเร็ง
ด้วยการใช้โภชนาการบำบัด เช่น การกินสาหร่ายเกลียวทอง การทานวิตามินซีในปริมาณ 5,000 มก.ต่อวัน, การรับออกซิเจนด้วยการใช้ลมปราณบำบัดโรค, การทำสมาธิสลายความเครียด เป็นต้น
ปัจจัยที่ 4 การสร้างอารมณ์ขัน
เช่น มองโลกในแง่ดี, มีความหวัง, ความตั้งใจจริง, อดทน, ไม่เครียด, ลดความวิตกกังวน, เจริญสมาธิ แผ่เมตตา, พูดคุยกับผู้คนด้วยอัธยาศัยไมตรี
ปัจจัยที่ 5 สร้างบรรยากาศแวดล้อมที่ดี
เช่น การทำความสะอาดบ้านให้ปราศจากฝุ่น, ดื่มน้ำสะอาดทุกวันอย่างน้อย 3 - 5 ลิตร, อาบน้ำอุ่น หรือ อบไอน้ำเป็นประจำ, ทานอาหารปลอดสารพิษ, ชำระร่างกายให้สะอาด, ใส่เสื้อผ้าที่สะอาด, สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ
อาหารต้านมะเร็ง ที่ง่ายที่สุดของชมรมบ้านสุขภาพ คือ น้ำผักสดปั่นสูตรชมรมบ้านสุขภาพ และเครื่องดื่มน้ำพลังเอนไซม์บำบัดที่ได้จากกาารหมักผลไม้นานกว่า 6 ปี ขึ้นไป อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน ช่วยกระตุ้นต่อมและฮอร์โมนต่าง ๆ ทำให้ร่างกายต่อต้านสารอนุมูลอิสระที่แปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายได้ดี ทำให้ร่างกายแข็งแรง ภูมิต้านทานดี มีประโยชน์ในการรักษามะเร็งได้
โดย ดร. สิทธิพร เปล่งขำ นักวิจัยแห่งชาติ นักวิทยาศาสตร์แพทย์แบบผสมผสาน
ปัจจัยที่ 1 หยุดยั้งการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง โดยการตัดสารอาหารที่ก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกาย
เช่น การอดอาหารเพื่อล้างเซลล์มะเร็ง หรือ การขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย โดยการ detox เช่น การดื่มน้ำเอนไซม์, การออกกำลังกายขับสารพิษ, การทำสมาธิลดความเครียด, การคิดดี อารมณ์ดีอยู่เสมอ
ปัจจัยที่ 2 สารภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
เช่น บำรุงเม็เลือดขาวด้วยอาหาร และวิตามินจากธรรมชาติ, บำรุงตับ และไต เพื่อให้ทำงานขับสารพิษได้ดี, ชำระล้างเลือดหรือสารอาหารที่ตกค้างในเลือดด้วยน้ำเอนไซม์จากผลไม้หรือผักสด, สร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวให้แข็งแรง และมีปริมาณที่เหมาะสมด้วยพลังจากสารอาหารธรรมชาติ
ปัจจัยที่ 3 การย่อยสลายเซลล์มะเร็ง
ด้วยการใช้โภชนาการบำบัด เช่น การกินสาหร่ายเกลียวทอง การทานวิตามินซีในปริมาณ 5,000 มก.ต่อวัน, การรับออกซิเจนด้วยการใช้ลมปราณบำบัดโรค, การทำสมาธิสลายความเครียด เป็นต้น
ปัจจัยที่ 4 การสร้างอารมณ์ขัน
เช่น มองโลกในแง่ดี, มีความหวัง, ความตั้งใจจริง, อดทน, ไม่เครียด, ลดความวิตกกังวน, เจริญสมาธิ แผ่เมตตา, พูดคุยกับผู้คนด้วยอัธยาศัยไมตรี
ปัจจัยที่ 5 สร้างบรรยากาศแวดล้อมที่ดี
เช่น การทำความสะอาดบ้านให้ปราศจากฝุ่น, ดื่มน้ำสะอาดทุกวันอย่างน้อย 3 - 5 ลิตร, อาบน้ำอุ่น หรือ อบไอน้ำเป็นประจำ, ทานอาหารปลอดสารพิษ, ชำระร่างกายให้สะอาด, ใส่เสื้อผ้าที่สะอาด, สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ
อาหารต้านมะเร็ง ที่ง่ายที่สุดของชมรมบ้านสุขภาพ คือ น้ำผักสดปั่นสูตรชมรมบ้านสุขภาพ และเครื่องดื่มน้ำพลังเอนไซม์บำบัดที่ได้จากกาารหมักผลไม้นานกว่า 6 ปี ขึ้นไป อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน ช่วยกระตุ้นต่อมและฮอร์โมนต่าง ๆ ทำให้ร่างกายต่อต้านสารอนุมูลอิสระที่แปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายได้ดี ทำให้ร่างกายแข็งแรง ภูมิต้านทานดี มีประโยชน์ในการรักษามะเร็งได้
.................................................................................................................................................................
หลักการหมักน้ำเอนไซม์ทำกินเองที่บ้าน โดยชมรมบ้านสุขภาพ
การหมักน้ำเอนไซม์ทำกินที่บ้านได้เอง
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
1. ถังหมัก (มีฝาปิดสนิท) ที่ล้างทำความสะอาด หรือฆ่าเชื้อแล้ว (ลวกน้ำร้อน)
2. น้ำผึ้งความชื้นต่ำ (20 - 25 % ความชื้น)
3. ผลไม้ (รสเปรี้ยว หรือรสหวาน ตามชอบ)
4. น้ำต้มสุก ที่ทิ้งไว้ให้เย็นแล้ว
5. มีด เขียง 1 ชุด สำหรับหั่นผลไม้
6. ไม้ หรือหินที่สะอาดสำหรับดันให้ผลไม้จมน้ำ
7. สายยางสะอาดความยาวพอประมาณ สำหรับดูดเอาน้ำเอนไซม์ออกมาใช้
8. เอนไซม์ล้างแช่ผัก ผลไม้ 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำสะอาด 1 อ่างล้างจาน
***คืนก่อนการทำการหมัก ต้องเตรียมล้างทำความสะอาดผลไม้ที่ต้องการหมัก แล้วแช่ทิ้งไว้ในน้ำผสมเอนไซม์แช่ผัก 1 คืน ****
วิธีการทำ
1. หั่นผลไม้ที่แช่ล้างในน้ำเอนไซม์แช่ผักให้เป็นชิ้นพอดี ไม่ต้องปอกเปลือก
2. ผสมน้ำผึ้งกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1 กับ 10 ส่วน คนให้น้ำผึ้งละลายจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน เทเข้าใส่ในภาชนะที่เตรียมสำหรับหมักไว้
3. ใส่ผลไม้ที่เตรียมไว้ในอัตราส่วน 1 ส่วน โดยพยายามให้ผลไม้จมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด (หากผลไม้ลอยขึ้นมาให้หาไม้ขัดให้จมอยู่ใต้น้ำ) โดยเว้นเนื้อให้มีอากาศเล็กน้อย (1 ใน 5 ส่วน)
4. ปิดฝาให้สนิท แล้วหมักในห้องที่มีอากาศถ่ายเท แต่ห้ามมีแสงแดดส่อง เป็นเวลา 3 เดือน โดยทุก ๆ อาทิตย์ ควรมาตรวจดู หรือหมั่นเปิดจุกคลายอากาศออกและปิดกลับให้สนิทเหมือนเดิม
***เมื่อได้เวลา 3 เดือน เกิด น้ำใส (ionic plasma) ลอยตัวให้ดูดออกด้วยสายยาง นำมาขยายต่อเป็นหัวเชื้อได้อีก 14 ครั้ง ทุก ๆ 3 เดือน ในอัตราส่วน น้ำใส 1 : น้ำผึ้ง 1 : น้ำ 10 ***
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
1. ถังหมัก (มีฝาปิดสนิท) ที่ล้างทำความสะอาด หรือฆ่าเชื้อแล้ว (ลวกน้ำร้อน)
2. น้ำผึ้งความชื้นต่ำ (20 - 25 % ความชื้น)
3. ผลไม้ (รสเปรี้ยว หรือรสหวาน ตามชอบ)
4. น้ำต้มสุก ที่ทิ้งไว้ให้เย็นแล้ว
5. มีด เขียง 1 ชุด สำหรับหั่นผลไม้
6. ไม้ หรือหินที่สะอาดสำหรับดันให้ผลไม้จมน้ำ
7. สายยางสะอาดความยาวพอประมาณ สำหรับดูดเอาน้ำเอนไซม์ออกมาใช้
8. เอนไซม์ล้างแช่ผัก ผลไม้ 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำสะอาด 1 อ่างล้างจาน
***คืนก่อนการทำการหมัก ต้องเตรียมล้างทำความสะอาดผลไม้ที่ต้องการหมัก แล้วแช่ทิ้งไว้ในน้ำผสมเอนไซม์แช่ผัก 1 คืน ****
วิธีการทำ
1. หั่นผลไม้ที่แช่ล้างในน้ำเอนไซม์แช่ผักให้เป็นชิ้นพอดี ไม่ต้องปอกเปลือก
2. ผสมน้ำผึ้งกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1 กับ 10 ส่วน คนให้น้ำผึ้งละลายจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน เทเข้าใส่ในภาชนะที่เตรียมสำหรับหมักไว้
3. ใส่ผลไม้ที่เตรียมไว้ในอัตราส่วน 1 ส่วน โดยพยายามให้ผลไม้จมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด (หากผลไม้ลอยขึ้นมาให้หาไม้ขัดให้จมอยู่ใต้น้ำ) โดยเว้นเนื้อให้มีอากาศเล็กน้อย (1 ใน 5 ส่วน)
4. ปิดฝาให้สนิท แล้วหมักในห้องที่มีอากาศถ่ายเท แต่ห้ามมีแสงแดดส่อง เป็นเวลา 3 เดือน โดยทุก ๆ อาทิตย์ ควรมาตรวจดู หรือหมั่นเปิดจุกคลายอากาศออกและปิดกลับให้สนิทเหมือนเดิม
***เมื่อได้เวลา 3 เดือน เกิด น้ำใส (ionic plasma) ลอยตัวให้ดูดออกด้วยสายยาง นำมาขยายต่อเป็นหัวเชื้อได้อีก 14 ครั้ง ทุก ๆ 3 เดือน ในอัตราส่วน น้ำใส 1 : น้ำผึ้ง 1 : น้ำ 10 ***
ตัวกากที่ก้นขวดหมักต่อในอัตราส่วนเดิม
( กาก 3 : น้ำผึ้ง 1: น้ำ 10 ) ทุก 3 เดือน ดึงเอา น้ำใสออก (ทำได้ 3 ครั้ง)
เมื่อครบ 3 ครั้งแล้วกากที่เป็นผงตะกอนใช้ ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะคลุกผลไม้ 10 กิโลกรัม ใส่น้ำ 10 ลิตร หมักจนกว่าจะได้น้ำใส แล้วเอามาต่ออีกเหมือนตอนต้นไปเรื่อย ๆ ฯลฯ
เพียงวิธีง่าย ๆ คุณก็สามารถมีเครื่องดื่มสุขภาพ ในการใช้ดื่มเพื่อดูแลสุขภาพกันแบบง่าย ๆ ได้แล้วค่ะ
( กาก 3 : น้ำผึ้ง 1: น้ำ 10 ) ทุก 3 เดือน ดึงเอา น้ำใสออก (ทำได้ 3 ครั้ง)
เมื่อครบ 3 ครั้งแล้วกากที่เป็นผงตะกอนใช้ ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะคลุกผลไม้ 10 กิโลกรัม ใส่น้ำ 10 ลิตร หมักจนกว่าจะได้น้ำใส แล้วเอามาต่ออีกเหมือนตอนต้นไปเรื่อย ๆ ฯลฯ
เพียงวิธีง่าย ๆ คุณก็สามารถมีเครื่องดื่มสุขภาพ ในการใช้ดื่มเพื่อดูแลสุขภาพกันแบบง่าย ๆ ได้แล้วค่ะ
บ้านคนรักสุนทราภรณ์